
หลังจากคุณแม่ผ่านการตั้งครรภ์ และคลอดบุตรแล้ว สรีระร่างกายภายนอก และสมดุลธาตุภายในร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่เราก็สามารถที่จะดูแลและฟื้นฟูร่างกายได้ด้วยวิธีการต่างๆมากมาย ซึ่งที่คลินิกอุ่นเรือนแพทย์แผนไทยประยุกต์ของเรา มีบริการ “การดูแลมารดาหลังคลอด” หรือการอยู่ไฟ ซึ่งคุณแม่จะได้รับการทำหัตถการหลากหลายอย่าง ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์แผนไทยประยุกต์ ได้แก่
- การนวดไทยทั่วร่างกาย
- นวดกระตุ้นน้ำนม
- ประคบสมุนไพร
- นวดโกยท้อง
- ทับหม้อเกลือ
- อบไอน้ำสมุนไพร
ประโยชน์ของการดูแลหลังคลอดด้วยศาสตร์กาารแพทย์แผนไทย
1. ช่วยขับน้ำคาวปลา
2. ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น
3. ลดอาการหนาวสะท้าน
4. กระตุ้นการไหลของน้ำนม ลดอาการคัดตึงเต้านม
5. บรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายที่สะสมมาตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์จนกระทั่งหลังคลอดบุตร
6. กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
7. ปรับสมดุลธาตุภายในร่างกาย

Q&A
Q : อยู่ไฟต้องทำหลังจากคลอดบุตรกี่วันคะ?
A : ในสมัยโบราณการอยู่ในเรือนไฟสามารถทำได้ทันทีหลังจากมารดาคลอดบุตร แต่ในปัจจุบันนี้สำหรับคุณแม่ที่คลอดด้วยวิธีธรรมชาติ เราจะให้การดูแลหลังจากคุณแม่คลอดบุตรไปแล้ว 7 วัน และสำหรับคุณแม่ที่ผ่าตัดคลอด เราจะเริ่มให้การดูแลหลังจากคุณแม่คลอดบุตรไปแล้ว 45 วัน ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่ และเพื่อให้แน่ใจว่าคุณแม่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ คุณแม่ควรได้รับการตรวจร่างกายหลังคลอดจากแพทย์แผนปัจจุบันมาก่อน อย่างไรก็ตามแพทย์แผนไทยประยุกต์จะต้องทำการตรวจร่างกายคุณแม่ทุกรายก่อนทำหัตถการอยู่แล้วค่ะ
ทั้งนี้ นอกจากการตรวจร่างกายหลังคลอดจากแพทย์แผนปัจจุบัน และการช่วยดูแลฟื้นฟูร่างกายจากแพทย์แผนไทยประยุกต์แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวของคุณแม่เองที่ต้องดูแลร่างกายในอีกหลายๆเรื่อง เช่น การรับประทานอาหาร การพักผ่อน การหลีกเลี่ยงภาวะความเครียดหรือความกังวลต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลถึงน้ำนมได้ทั้งสิ้น ดังนั้นหากคุณแม่มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์แข็งแรงแล้ว ย่อมส่งผลให้มีปริมาณน้ำนมเพียงพอต่อความต้องการของลูกน้อยไปด้วย

เกร็ดความรู้
ว่าด้วยเรื่องของน้ำนม ตามคัมภัร์ปฐมจินดา (คัมภีร์แพทย์แผนไทยที่กล่าวถึงเรื่องของมารดาและทารก) ตอนหนึ่งในคัมภีร์ได้กล่าวถึงเรื่องของน้ำนมไว้ว่า “ถ้าแพทย์จะพิจารณาดูน้ำนมดีและร้ายนั้น ให้เอาใส่ขันแล้วให้แม่นมนั้นมองดู ถ้าสีและน้ำนมขาว ดังสีสังข์และจมลงในขัน สัณฐานเหมือนดังลูกบัวเกราะ นมอย่างนี้ จัดเอาเป็นน้ำนมอย่างเอก ถ้าหล่อน้ำนมลง และน้ำนมนั้นกระจาย แต่ว่าขันจมลงถึงกันขันแค่ไม่กลมเข้า น้ำนมอย่างนี้ จึงเอาเป็นน้ำนมอย่างโท ถ้าพ้นจากน้ำนม ๒ ประการนี้แล้ว ถึงจะมีลักษณะประกอบไปด้วยยศ ศักดิ์ ชาติตระกูลปานใดก็ดี ถ้ามีกุศลหนหลังยังติดตามบำรุงรักษา ไม่ให้เกิดโรคาพยาธิ รสน้ำนมนั้นเปรี้ยว ขม, ฝาด,จืด,จาง, และมีกลิ่นอันคาวนั้น ก็จัดเป็นน้ำนมโทษทั้งสิ้น”
จากข้อความในคัมภีร์ปฐมจินดา กล่าวโดยสรุปได้ว่า ลักษณะน้ำนมที่ดี เมื่อหยดลงน้ำแล้ว น้ำนมจะมีลักษณะดังนี้
1. น้ำนมสีขาว ดังสีสังข์ จมลงในขัน สัณฐานดังลูกบัวเกราะ จัดเป็นน้ำนมเอก
2. น้ำนมกระจาย แต่ว่าข้น จมถึงก้นขัน แต่ไม่กลมเข้า จัดเป็นน้ำนมโท
ลักษณะน้ำนมโทษ : มีรสเปรี้ยว, ขม, ฝาด, จืด ลักษณะจาง มีกลิ่นคาว
#ลองไปทดสอบกันดูนะคะว่าน้ำนมของคุณแม่มีลักษณะเป็นอย่างไรกันบ้าง#

ช่องทางการติดต่อ คลิกที่นี่
Facebook : อุ่นเรือนคลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์